BACK TO EXPLORE

Meet Sarran Youkongdee

หลายครั้งเรามักตั้งคำถามกับตัวเองว่า ฝันของเรานั้นจริงๆ แล้วคือเรื่องไหน ในเมื่อทุกวันนี้ สิ่งที่เรารักและชอบมีอยู่เต็มไปหมด เรื่องนั้นก็อยากทำ เรื่องนี้ก็อยากปั้นให้เกิด สุดท้ายก็กลายเป็นความกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีสักอย่าง และคำแนะนำที่เราได้จาก ศรัณญ อยู่คงดี เจ้าของแบรนด์ SARRAN by Sarran Youkongdee ได้บอกกับเราว่า ไม่ต้องกลัวให้ทดลองทำสิ่งที่ตัวเองสนใจไปเลย เพราะครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยเป็นแบบเดียวกับเราเหมือนกัน

“ผมให้เวลาตัวเอง 5 ปีในการค้นหาว่าสิ่งที่เราชอบคืออะไร ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมรู้แล้วว่า ผมชอบศิลปะ แต่มันก็เป็นคำถามปลายเปิดว่าทำศิลปะอะไรที่ทำให้เรามีความสุข ดังนั้น ผมเลยลองทำทุกอย่างในระยะเวลา 5 ปี ทำตั้งแต่กำกับภาพยนตร์ ทำโฆษณา ทำออร์แกไนซ์ ทำแฟชั่น ทำ Interior ทำ Product Design ซึ่งใน 5 ปีนี้ผมเรียกว่าเป็นการตัดโลกของวัยรุ่นออกไป แล้วอยู่กับแต่ละสิ่งที่เราพยายามจะศึกษาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจและให้ดีเทลกับความชอบของแต่ละอย่าง สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมามันจะถูกใจเราไหม หรือไม่ใช่ตัวเรา นั่นคือช่วงเวลาที่ยากที่สุดของผม”


การทดลองของเขาก็มาจบที่เรื่องของแฟชั่น ซึ่งเป็นงานศิลปะหมวดสุดท้ายที่เขาทดลองสร้างสรรค์ผลงานออกมาและนั่นทำให้เขารู้จักตัวเองมากขึ้น

“เส้นทางสุดท้าย ผมลองดูแล้วพบว่ามันใช่แค่ครึ่งเดียว เพราะแฟชั่นเป็นสิ่งที่คนเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว แต่ทำยังไงให้สิ่งที่เข้าถึงได้เร็วที่สุดอยู่ได้นานที่สุด ผมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของวงการแฟชั่นโลก ผมก็เลยต้องเอาสิ่งที่เคยเรียนรู้เมื่อก่อน คือการเป็นอาร์ติสท์ 100 เปอร์เซ็นต์ มาปรับเอาทุกสิ่งอย่างมารวมกัน แล้วค่อยๆ กลั่นกรองเอาสิ่งที่อยู่ในสายอาชีพแต่ละอันมาเป็นอาชีพปัจจุบันของเรา ผมรู้สึกว่าความยั่งยืนของนักออกแบบที่ดีต้องทำให้งานคุณอยู่ไปอีกสิบๆ ปี และยังเป็น classic item ที่คนอยากครอบครอง หรือนึกถึงมันตลอดเวลา ดังนั้นผมจึงไม่ทิ้งรายละเอียดของทุกอาชีพที่ผมเข้าไปจับ ผมเก็บเอารายละเอียดเล็กๆที่เหมาะสมกับตัวผมแล้วเอามาปั้นใหม่ ให้เป็นสไตล์ของธุรกิจของตัวเอง ให้เป็นนักออกแบบที่สามารถทำให้งานเป็นงานศิลปะได้ เป็นการผสมผสานทุกอย่างเข้าหากัน”


ในด้านของธุรกิจ ชายคนนี้ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เขาจึงลงไปคลุกคลีตั้งแต่เรื่องของการผลิตรวมถึงให้ความรับผิดชอบกับภาพรวมของสังคมโดยให้เหตุผลว่า ถ้าคุณไม่ปิดบังใคร คุณนำเสนอสิ่งที่ดีให้กับชุมชน คุณไม่เห็นแก่ตัว ลูกค้าจะสามารถรับรู้ความจริงใจนี้ผ่านชิ้นงานที่ตั้งอยู่ตรงหน้าได้เอง

“ผมมองว่า ปัจจุบันงานออกแบบสักชิ้นสามารถสื่อสารอะไรหลายอย่างได้มากกว่าคำว่าฟังก์ชัน มันมีเรื่องของความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวพันมากขึ้น ลูกค้าอาจจะไม่สามารถจับต้องได้ แต่เขาสามารถรับรู้ได้ ดังนั้นผมจึงใช้การสื่อสารที่จริงใจและทำให้คนจับต้องได้ง่ายที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วถ้าคุณทำงานศิลปะ แล้วคุณไม่สามารถสื่อสารออกมาได้ แบรนด์ของคุณก็จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน”

YOU MAY ALSO LIKE